สถานการณ์น้ำท่วม ณ เวลานี้ เริ่มส่งผลกับปัญหาโรคน้ำกัดเท้าที่มาจากน้ำท่วม เราจึงมองเห็นถึงปัญหาที่ตามมา
เกี่ยวกับโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างมาก เราจึงดึงภูมิปัญญาไทยมาใช้ แนะนำให้ใช้สมุนไพรที่หาง่ายใช้
สะดวกแบบวิถีไทย ดูแลรักษาโรคน้ำกัดเท้าได้ดี โดยเฉพาะสมุนไพรรสฝาด เช่น เปลือกมังคุดแห้ง ส่วนผู้ป่วย
เบาหวานที่เป็นแผลน้ำกัดเท้า แนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกคั้นแทนน้ำวันละ 4-5 แก้วควบคู่ด้วย จะช่วยให้แผลหาย
เร็วขึ้น
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ น้ำเริ่มเน่าเหม็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นที่มาของโรคน้ำกัดเท้า ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 1 ในทุกจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งจะเกิดแผล
เปื่อยได้ง่าย ทราบว่ามีสมุนไพรหลายชนิดในครัวเรือน ที่อาจนำมาใช้ในการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นได้ ได้มอบหมายให้
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรช่วงน้ำท่วม เพื่อดูแลรักษาตน
เองเบื้องต้นได้ตามแบบวิถีชีวิตไทย
![](http://img.kapook.com/image/Food/curcuma1.jpg)
ขมิ้นชัน
ทางด้านนายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า
โรคน้ำกัดเท้าในระยะแรกนั้น ยังไม่มีการติดเชื้อรา ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคือง คัน และแสบบริเวณง่ามนิ้ว
จึงควรใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบ เช่น ขมิ้นชัน ไพล ใบพญายอ หรือใบว่านมหากาฬ นำล้างให้สะอาด
ตำให้ละเอียด นำมาพอกบริเวณที่เป็นแผล เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว สมุนไพรที่นิยมใช้รักษาโรคน้ำกัดเท้า
มักเป็นสมุนไพรที่มีรสฝาด เนื่องจากมีสารแทนนินมาก มีฤทธิ์ช่วยรักษาแผลน้ำกัดเท้าได้ เช่น เปลือกมังคุดแห้ง
นำมาฝนกับน้ำหรือน้ำปูนใสให้ข้นพอควร นำมาทาแผลน้ำกัดเท้า วันละ 2-3 ครั้ง หรือง่าย ๆ ใช้สารส้มสะตุที่ได้จากการนำ
สารส้มไปตั้งไฟให้ร้อนจนกลายเป็นผงขาวฟู แล้วทาบริเวณที่เป็น วันละ 2-3 ครั้ง โดยอาจใช้เดี่ยว ๆ หรือผสมกับดินสอพอง
สะตุครึ่งต่อครึ่งก่อนทา นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดการติดเชื้อราที่ง่ามเท้า แนะนำให้ใช้สมุนไพรในท้องถิ่นที่มี
สรรพคุณต้านเชื้อรา เช่น ใบต้นเทียนบ้าน ใบชุมเห็ดเทศ ใบทองพันชั่ง ข่า ใช้ประมาณ 1 กำมือ นำมาตำพอก
หรือทาบริเวณที่เป็น วันละ 3-4 ครั้ง ติดต่อกันทุกวัน หรืออาจใช้กระเทียม ซึ่งมีฤทธิ์ดีมากในการฆ่าเชื้อรา แต่มีข้อเสีย
คือ มีกลิ่นแรง
ในการรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรานั้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยสมุนไพรหรือยาแผนปัจจุบันก็ตาม แม้ว่าอาการจะดีขึ้นจน
เหมือนหายดีแล้ว แต่แผลจะยังมีเชื้อราอยู่ จึงต้องทาหรือพอกยาจากสมุนไพรนั้นต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เพื่อประสิทธิผลที่ดีขึ้นในการกำจัดเชื้อราให้หมดไป ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก และต้องระวังอย่าให้เท้าอับชื้น หรือโดนน้ำ
สกปรกอีกในระหว่างการรักษา
![](http://img.kapook.com/image/health/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81.jpg)
ใบบัวบก
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องระวังไม่ให้เป็นแผลที่เท้า เพราะรักษาให้หายได้ยาก แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้สมุนไพร
ข้างต้นรักษาโรคน้ำกัดเท้า หรืออาจใช้ขมิ้นชันผง หรือขมิ้นชันแคปซูลโรยที่แผลก็ได้ เพื่อเร่งการหายของแผล และขอ
แนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกคั้นร่วมด้วย ดื่มต่างน้ำวันละ 4-5 แก้ว จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
โดยงานวิจัยของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่าเมื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า
รับประทานสารสกัดบัวบก จะช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะสารสำคัญในบัวบก ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารเข้าสู่กระแส
เลือดสะดวกในการใช้มากกว่าการตำพอก และลดความเสี่ยงในการนำเชื้อโรคเข้าแผล หากล้างไม่สะอาด แต่ถ้ามีครีมบัวบก
ที่เป็นยาใช้ภายนอกตามบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งเตรียมอย่างสะอาดมาแล้ว จะใช้ครีมบัวบกทาแผลร่วมด้วยก็ได้...